เปรอะ

เมื่อวานออกไประบายสี
ญาติ ๆ ชวนกันไปกระทำความเปรอะที่สวนสาธารณะเพื่อให้สมกับที่อากาศดี มีลมโชยแรง ๆ การระบายสีนี่แหละเหมาะสุดแล้ว หลานก็ทำได้ ป้า ๆ ลุง ๆ ยาย ๆ ก็ทำได้ด้วย แถมเป็นกิจกรรมที่ราคาไม่แพงเลย

เป็นเวลาชั่วโมงกว่าเกือบสองชั่วโมงที่ผ่านไปเร็วดี
หลานชายสมาธิค่อนข้างสั้นระบายตุ๊กตุ่นไป 2 ตัว ส่วนบรรดาป้าลุงยายก็ค่อย ๆ ระบายไป คุยกันเรื่องเลือกสี การใช้สี การผสมสี มีลมเย็น ๆ ช่วยสร้างบรรยากาศ

ผลงานปลาดาวของฉันตั้งใจให้สีสันสดใสสมกับที่เป็นหน้าร้อน
เหมือนจะระบายง่ายแต่ก็ไม่ง่าย พยายามเลือกรูปปั้นที่ระบายไม่ยากและซับซ้อนน้อยที่สุดละ เราเป็นคนแบบนี้แหละ นักหลีกเลี่ยงทางยาก แต่ชอบช่วงเวลานั้นนะ จดจ่อกับมันดี เลอะบ้าง เปรอะบ้างเพราะมือไม่นิ่งแถมไม่เคยมีฝีมือในวิชาศิลปทุกแขนง ปลาดาวเลยเป็นผลงานในคลาสศิลเปรอะบำบัดที่เราภูมิใจกับมัน นี่เก็บเอามาตั้งใจจะเอาไว้ทับกระดาษ

ชีวิตมันเป็นอย่างนี้หรือเปล่านะ
เลอะบ้างก็ได้ สีตุ่นบ้างก็ได้ แต่อย่างน้อยเราก็เลือกและลงมือละเลงกับมือ
จริง ๆ รูปปั้นสีขาว ๆ ตอนยังไม่ลงสีมันก็สวยเลอค่าน่าเก็บอยู่ แต่พอเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะหาสีป้าย ๆ ทา ๆ แต้มเติมเข้าไปจนกว่าเราจะพอใจ

นี่ก็ยังอยู่ระหว่างทาง
ผลงานชีวิตเลยยังไม่เสร็จ รู้แค่ว่ามันเลอะเทอะเละเทะมาก
ฉันเลือกใช้สีเอง เลือกวิธีการระบายสีเอง พยายามหาวิธีกลบสีเก่าเอง บางทีชะโงกหน้าไปถามคนเก่ง ๆ บ้าง หลายคนพยายามบอก พยายามสอน แต่สุดท้ายเราลงมือเลือกและทำเอง ถ้าวันจบคลาสชีวิตแล้วมันออกมาไม่สวยสดงดงามก็คงขว้างทิ้งหรือปฏิเสธความเป็นเจ้าของไม่ได้หรอก

ฉันคิดว่าฉันรักตัวเองมากพอดูนะ
แม้จะปล่อยอีเหละเขละขละอยู่ตลอด มันคงเป็นวิธีแสดงความรักในแบบของฉันที่โคตรไม่สดใส สนุกบ้างบางคราว แต่ระยะยาวอาจระทม แต่ทำไงได้ล่ะ เลือกไปแล้ว ไปให้สุดทาง

 

 

 

 

 

 

ชั่วคราว

ไม่รู้ว่าการกลับบ้านของคนอื่นคืออะไร อย่างไร
สำหรับฉัน การเดินทางกลับบ้านเกิดคือการเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวัน ปรับวิถีชีวิตบางอย่างชั่วคราว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องการกินอยู่หลับนอน รายละเอียดเล็กบ้างใหญ่บ้างแล้วแต่สถานการณ์ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกแต่เพราะฉันอยู่กับตัวเองมาตลอด ต่อให้การปรับเล็กเปลี่ยนน้อยมันจึงถือเป็นความเปลี่ยนแปลง

การล้อมวงกินข้าว คุยเฮฮาบ้าบออะไรไปเรื่อยมันทำให้กินข้าวอร่อยดีนะ
แม้บางทีจะต้องกินอะไรที่ปกติอาจจะไม่ค่อยเลือกกิน ไม่มีโอกาสได้กิน หรือกินไม่เป็นเวลาล่ำเวลาก็เถอะ แต่การกลับบ้านมันทำให้ฉัน ‘หยวน ๆ’ กับตัวเองและคนอื่น ๆ พยายามจะไม่เยอะใส่ตัวเองและคนรอบข้าง เป็นการทำตัวให้ปล่อยไหลไปตามที่คนส่วนใหญ่ทำซึ่งมันสนุกดี

นี่คือตัวอย่างที่ฉันชอบ
จริง ๆ มันก็มีทั้งถูกใจและขัดใจตัวเองแหละ
แต่อย่างที่บอกว่าไม่ได้คิดอะไรมากมายเพราะเรื่องเดิม ๆ วิถีชีวิตของตัวเองมันมีเวลาอีกมากมายให้ทำ มีเวลาเหลือเฟือที่จะกิน นอน คุยคนเดียวซึ่งมันเหงา คนเยอะอาจวุ่นวายแต่มันกลับทำให้ใจสงบได้บางคราวอยู่เหมือนกัน

เหลืออีกไม่กี่วันก็ต้องเดินทางกลับไปยังที่ของฉันแล้ว
ใจหายใช่ย่อย แต่บางทีการลาจากความรู้สึกดี ๆ สิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นมันประทับใจกว่าการยื้อ, ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม

ฤดูกาลพักร้อนกำลังจะสิ้นสุด
ฤดูกาลปกติกำลังจะเริ่มต้นหลังจากที่กดปุ่มหยุดชั่วคราวเอาไว้

เมษายน 2560
นครสวรรค์

 

 

ลมร้อน

summer

หากฤดูกาลคือคำสัญญาของความเปลี่ยนแปลง
ฤดูร้อนคงเป็นหนึ่งในคำสัญญาข้อย่อยที่ความเปลี่ยนแปลงทำไว้กับโลก

ลมร้อนผ่าวพัดมาพร้อมบรรยากาศหลาย ๆ อย่าง
ทั้งการเดินทาง, การกลับบ้าน, ดอกไม้-ใบไม้ผลิดอกออกใบ, การปิดเทอม, การรอคอย, การหวนระลึกถึงความหลัง ฯลฯ น่าแปลก ทั้ง ๆ ที่มันคือความเปลี่ยนแปลงแต่มันก็เวียนมาพบเจอกับเราทุก ๆ ปี และถึงแม้เราจะรู้สึกถึงบรรยากาศอะไรเหล่านี้แต่มันก็ไม่เหมือนกันสักครั้ง, ไม่เหมือนกันเลยสักปี

ลมร้อนวันนี้ไม่เหมือนกับลมร้อนเมื่อปีก่อน
เมษายนปีนี้ไม่เคยซ้้ำซ้อนกับเมษายนเมื่อปีก่อน ๆ แม้มันเป็นเดือนเดียวกัน
“ฤดูร้อนไม่เป็นเช่นเคย” มันคงเป็นความรู้สึกแบบนี้สินะ

ปีนี้ในใจของฉันเหมือนมีโพรงเล็ก ๆ
พอลมร้อนพัดมานอกจากร้อนอยู่ในอกแล้วยังได้ยินเสียงโหวงว่างด้วย
บางที การที่เราเอาหัวใจและความรู้สึกของเราไปยึดไว้กับอะไรไว้ไม่ว่าจะเป็นช่วงสั้น ๆ หรือระยะเวลานาน ๆ มันก็ทำให้เราลืมความเป็นตัวเอง หลงลืมว่าเราเองนั่นแหละที่จะทำให้ตัวเองสนุกและพอจะมีความสุขได้ และพอหลงลืมนาน ๆ เข้าจิตใจเลยร้อนรนต่อให้ลมที่พัดมาตอนนี้เป็นลมหนาวก็ตาม

ลมร้อนเป็นเพียงลมร้อนที่พัดเข้ามาแล้วไม่นานก็พัดผ่านไป
อยู่ที่เราแล้วนะว่าจะเก็บมันเอาไว้ในอกปล่อยให้มันพัดแล้วพัดเล่า โหมใส่ตัวเองจนเหนื่อยใจที่จะหาทางดับมัน หรือรับรู้สัมผัสสายลมร้อนยามพัดโชย แล้วปล่อยให้มันจากไป

อุณหภูมิภายนอกยังเปลี่ยนแปลง
เหตุใดหัวใจของเราจึงไม่พยายามจะเปลี่ยนบ้างเล่า

 

สวัสดีเมษายน 2560