The Happening-สิ่งที่เกิดขึ้น

สิ่งที่มันเกิดขึ้น…เกิดแล้วก็หายไป

บางอย่างที่เกิดขึ้นเราอาจพบเจอสาเหตุรู้ที่มา และอาจรู้ถึงที่ไปของมัน

แต่บางอย่างอาจไม่มีทางรู้ชัด-รู้จริงได้เลยไม่ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม

โดยเฉพาะเรื่องที่มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เรื่องของธรรมชาติ

ที่เราไม่อาจหยั่งรู้ ไม่อาจควบคุม และไม่อาจต้านทาน

.

.

.

หนังเรื่องที่ 6 ของพี่มาโนช M.Night Shyamalan ที่พูดเรื่องด้านมืดของธรรมชาติ (หรือจริงๆ แล้วอาจไม่ใช่ด้านมืด ด้านสว่างอะไร เพราะจริงๆ เรื่องของธรรมชาติอาจเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่เกิดและดับไปตามธรรมชาติของมัน) ที่ถึงคราวมนุษย์จะถูกลงโทษโดยที่ไม่อาจหยั่งรู้อะไรเลย ได้แต่คาใจ สงสัย และขัดใจกับความไม่รู้…

ถามว่าเป็นหนังที่ดีมั้ย? อันนี้ก็ตอบได้ยาก เพระถ้าชอบก็คือชอบ เราก็ค่อนข้างชอบแม้จะรู้สึกว่าบทจะโล่งๆ ไปหน่อย โดยเฉพาะตอนท้ายๆ แต่ก็ยังไม่มีเหตุผลที่จะเลิกดูหนังของพี่คนนี้

ถามว่าน่าไปดูมั้ย? อันนี้ก็อยากแนะนำตามประสา เพราะเราว่าแม้จะน่าเบื่อไปนิด เลี่ยนๆ ไปหน่อย แต่ใน The Happening ก็ยังมีฉากหลายฉากที่ทำให้อึ้งและหวาดกลัวไปได้จนเกือบจบเรื่อง เอาเป็นว่าแค่ฉากเปิดเรื่องก็ทำให้เราหวั่นสะพรึงใจและนั่งไม่ติดเก้าอี้ได้ ยังไงก็อุดหนุนความเชื่อของพี่เค้าหน่อยละกันนะ

 

ชื่นมื่น

ฟ้าที่หัวหินครึ้มทึมเทา

ฝนที่หัวหินโปรยตัวเองลงมาบางเบา

บางที, การที่ฝนได้ทำหน้าที่ของมันบ้างก็คงดี เพราะคงเป็นช่วงจังหวะที่ทำให้ใครหลายๆ คนคิดว่าไม่อยากเดินตากฝน หรือนอนมองฝนเพียงลำพังอีกต่อไป

อากาศอ้าวชื้นและหนาวซึมเข้าสู่ผิวหนังและกลางใจ เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้ใครบางคนคิดอยากมีใครบางคนเติมความอบอุ่นให้ เพื่อกระจายความกรุ่นอุ่นไอนั้นเข้าสู่หัวใจและกระจายไปทั่วร่าง

หิวหินในวันนั้น, วันที่ฟ้าครึ้ม ฝนพรำ

มีคนขี้หนาวสองคนอยู่ภายใต้ร่มเงาเดียวกัน

คงไม่ต้องกลัวฝนอีกต่อไปแล้วนะ

ยินดี ยินดี

ไปทะเลกันดีกว่า…

ไปทะเลกันเถอะ

ไปทะเลกันดีกว่า…ไม่รู้ว่าดีกว่าอะไร แต่ไปแล้วน่าจะดีกว่า

ไปเที่ยวทะเลกันเถอะพวกเรา!

วู้วววววว

เสาร์หน้าเจอกันที่หัวหิน 

ระวังใจ

ช่วงที่ผ่านมาที่ออฟฟิศสนามหลวงระวังตัวกันเป็นพิเศษ!

เรื่องของเรื่องคือ ช่วงที่ผ่านมาคุณแม่บ้าน (คนใหม่ที่อยู่มาพักใหญ่แล้วนะ) ทำแก้วแตกไปหลายใบเหลือเกิน จนใครหลายๆ คนต้องเช็คทุกเช้าที่มาทำงานว่าแก้วของตัวเองหายไปจากตะกร้าใส่แก้วหรือยัง ถ้ามันหายไปก็สันนิษฐานเบื้องต้นไว้ก่อนเลยว่า “แตก” และเพื่อยืนยันความคิดก็ต้องรอถามคุณแม่บ้านอีกหนึ่งครั้ง ถ้าแม่บ้านบอกว่า “ใช่” ใครคนนั้นก็คงทำอะไรไปมากกว่า “ทำใจ” ไม่ได้แล้วหล่ะ บางครั้งอาจบ่นด้วยความเซ็ง โมโหคุณแม่บ้าน แต่สุดท้ายก็ต้องหาใบใหม่มาทดแทน แล้วก็ต้องอยู่กับความระแวงระวังครั้งใหม่ต่อไป

ความสัมพันธ์มันก็เป็นเช่นนั้น?

วันทุกวันอาจต้องคอยระมัดระวังอาจถึงขั้นระแวงว่ามันจะแตกร้าวขึ้นมาวันใดวันหนึ่ง ฟังดูแล้วเหมือนมันกลายเป็นภาระของใจ กลายเป็นเรื่องที่อาจไม่สร้างความสุขให้กับชีวิตเอาเสียเลย…แต่การมีมันอยู่ก็ให้อะไรบางอย่างกับชีวิต

แล้วเราจะเลือกอะไรล่ะ?

หรือถ้าเราไม่เลือก เราก็แค่เลือกระแวงระวังว่ามันจะแตกสลายหายไป เพราะเราคงห้ามมันไม่ได้ เราคงหยุดไม่อยู่ จะดีที่สุดเราคงต้องระวังใจของเราเอง คอยเตือนไม่ให้เราคาดหวังกับมันมากเกินไป ความสัมพันธ์ก็เหมือนสิ่งของที่มีวันหมดอายุ มีวันแตกดับ ฉะนั้นเราลองทำใจให้สุขในระหว่างที่มันยังอยู่ดีมั้ย?

ถ้าทำไม่ได้หรือไม่อยากทำก็ปล่อยมือซะจะได้ไม่ต้องคอยโทษคนอื่นเวลาที่มันไม่เหมือนเดิม