กลับมาแล้วค่ะ!!!
สบายดี!!! รอดตายกลับมาแล้วพี่น้อง หลังจากที่เมื่อวานนอนตายอยู่ที่ห้องจนถึง 2 ทุ่ม ได้แต่นั่งถามตัวเองแบบมึนๆ ว่า “เราไปเที่ยวหรือไปทำงานก่อสร้าง” รู้สึกเหนื่อยแบบนึกไม่ออกว่าเพราะอะไร รู้สึกเพลียจนไม่อยากจะคิด รู้สึกปวดเมื่อยจนยกตัวเองจากเตียงไม่ไหว แต่ทั้งหมดทั้งมวล มันถูกกลบลบล้างด้วยความรู้สึก ‘โหด มัน ฮา’ ไปจนสิ้น และแอบตั้งปณิธานไว้ในใจ “ลาว…เจอกันอีกแน่นอน”
หัวใจของคนชรา
เพื่อร่วมทริปในครั้งนี้ ประกอบด้วยคณะบุคคล ทั้ง 6 อันได้แก่ )
พี-คนต้นคิด และผู้ชักชวนสู่ลาว (อายุเฉียดเลข 3)
น้าปอย-ศิลปินที่ชอบเล่าเรื่องรัก (อายุนำด้วยเลข 3)
พี่หมู-นักธุรกิจที่เราไม่รู้จักมาก่อน (อายุนำด้วย..เอ่อ…ไม่บอกดีกว่า)
พี่เปิ้ล-นักการตลาดที่เราไม่รู้จักมาก่อน (อายุนำด้วยเลข 3)
น้องตั๊ด-ครีเอทีฟคนใหม่ในสนามหลวง (อายุนำด้วยเลข 2)
เรา-ผู้หญิงปากหมา หน้าตีน (อายุเฉียดเลข 3)
เมื่อมาเฉลี่ยๆ ดูแล้ว ทริปนี้จึงจัดได้ว่าอายุไม่น้อยกันแล้ว ถือว่าเป็นผู้ใหญ่กันพอสมควร (ต้องโทษพี่หมูคนเดียวที่ทำให้ค่าเฉลี่ยสูงปานนั้น) ดังนั้น เมื่อคนอายุเยอะมาเจอกัน เรื่องที่จะคุยคงหนีไม่พ้นเรื่องงาน อ๊ะ! ไม่ใช่แน่ๆ เราไปเที่ยว ไม่ควรจะงัดเรื่องพรรค์นั้นมาถกเถียง เรื่องที่คุยกันแล้วเข้าใจสากลมันต้องเป็น ‘ความรัก’ โดยเฉพาะคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ย่อมต้องมีประสบการณ์รักๆ มาเล่าสู่กันฟังแบบที่ว่า 3 วัน 3 คืนไม่จบ
แล้วมันก็เป็นไปอย่างนั้นจริงๆ คล้ายกับว่าโชคชะพาดลบันดาลเราทั้ง 6 มาเจอกันโดยพร้อมเพรียง เพราะทุกคนต่างมีเรื่อง ‘รัก’ ล้นอก ล้นใจอยู่ไม่น้อย แต่โดยมาก ไม่ใช่ซิ แต่ทั้งหมดมันเป็นความรักในด้านมืด มันเป็นมุมที่ไม่สมหวัง ทุกคนผ่านจุดที่เรียกว่า ‘ผิดหวัง’ มาแล้วทั้งนั้น บางคนเจอหนัก และรุนแรงจนคิดว่านี่คือ ละครน้ำเน่าเรื่องนึง และเราแอบคิดไปว่าถ้ามันเกิดเรื่องแบบนี้กับเราบ้าง เราจะเป็นยังไง
คนช้ำรักทั้ง 6 เลยได้แลกเปลี่ยนเรื่องราว และให้คำแนะนำกันไปตามยถากรรม อารมณ์เหมือนเตี้ยอุ้มค่อมปานนั้น เราเชื่อว่าทุกคนหวังดีต่อกัน อยากจะให้แต่ละคนได้พบเจอความสดใสของความรักเสียที แต่อย่างที่น้าปอยบอกว่า “ความรักของคนล้านคนไม่เหมือนกันเลย” ต่อให้เจอกรณีเดียวกันก็เถอะ ดังนั้นคำแนะนำต่างๆ ที่พวกเราได้พูดคุยกัน เราจะเก็บเอาไว้เป็นความประทับใจและเป็นบทเรียนส่วนตัว แต่ถามว่าจะนำไปใช้ได้หรือเปล่า ตัวเราเองเท่านั้นที่รู้ความจริง
ผิดเวลา
ความตั้งใจหลายๆ อย่างที่เราคิดจะทำเมื่อไปเยือนลาว ต้องถูกเก็บเข้ากระเป๋าเมื่อเจออากาศที่ร้อนเหมือนลงนรก น้องๆ ที่ลาวบอกว่าอากาศไม่เคยร้อนแบบนี้มาก่อน เรามองหน้ากันแล้วก็สรุปว่าพวกเรานี่มันขึดจริงๆ ทุกอย่างเหมาะแล้ว แบบว่าถูกที่ ถูกคน แต่ผิดเวลา
หลายๆ โปรแกรมที่น้องๆ อุตสาห์จัดเตรียมไว้พวกเราก็ขอยกเลิกหมด และจะเริ่มต้นทำทุกอย่างหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว น้องๆ พยักหน้าเข้าใจแต่โดยดี เลยพาพวกเราไปส่งที่โรงแรม หวังจะให้พวกเรานอนกินแอร์เย็นๆ อยู่ที่ห้อง หรืออาบน้ำอาบท่าให้สบายจิตใจ แต่พอคล้อยหลังน้อง เราก็คุยกันว่าใครจะทำอะไรบ้าง
ตั๊ด บอกว่าจะเช่าจักรยานปั่นเล่นและจะไปหาที่เตะบอล ส่วนที่เหลือจะอยู่ที่โรงแรม แยกย้ายกันไปนวดบ้าง ไปอาบน้ำบ้าง ไปเดินเล่นบ้าง แต่เราไม่ไปไหนปักหลักนั่งกินเบียร์และเปิดอกคุยกับพี่เปิ้ลแบบ Girl Talk นั่งคุยกันไป จิบเบียร์กันไปตั้งแต่บ่ายประมาณบ่าย 3 ไปจนเกือบ 1 ทุ่ม!!! เบียร์ลาวตกถึงท้องเรานับไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่หยุด เมื่อน้องๆ มารับไปกินข้าวเคล้าบรรยากาศลำน้ำโขง พวกเรากฌ็ซัดกันไม่เลิกแบบไม่ยอมกินข้าวกินปลา มีแต่พี่เปิ้ลคนเดียวที่แพ้ภัยอายุด้วยการหลับเป็นตายอยู่ที่ห้องจนถึงเช้า
วันรุ่งขึ้นต้องเดินทางแบบคดเคี้ยวเพื่อมุ่งหน้าสู่วังเวียง เมืองตากอากาศที่มีคนบอกว่าเหมือนกับปายของบ้านเรา เราฝ่าโค้งแบบโนอ้วกมาได้ แต่ก็ต้องมาเจออากาศที่ร้อนจนตับสุกอีกจนได้ ไม่รู้จะทำยังไงเพราะแอร์ในห้องพักก็เย็นไม่สะใจ เลยได้แต่ก่นด่าตัวเองกันว่า “ผิดเวลาจริงๆ”
ฝนซาฟ้าสวย
แม้จะเดินทางมาด้วยหลายร้อยโค้ง อากาศก็ร้อนจัด แอร์ในห้องไม่เย็น จะดูพระอาทิตย์ตกดินก็โดนเมฆบัง แถมยังแฮ้งค์แล้วแฮ้งค์อีก แต่ในที่สุดเราก็โดนต้อนรับด้วยสายฝน ที่ตั้งเค้าเขียวครึ้มมาแต่ไกล อากาศที่ร้อนๆ อยู่ก็กลายเป็นเย็นชื่นใจ แต่เมื่อฝนตกแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด พวกเราก็เริ่มคิดอีกรอบ เพราะค่ำนี้น้องๆ ได้ตระเตรียมบาร์บีคิวที่สนามหญ้าไว้ให้ ถ้าฝนไม่หยุด…เราก็แห้ว
โชคยังไม่ร้ายเกินไป ฝนซาลงไม่นานก็หยุดนิ่ง แถมยังมีแสงสีส้มเรื่อๆ ที่ตรงขอบฟ้าให้เราได้ตื่นตา ประทับใจกันอีกด้วย แล้วสงครามบาร์บีคิวริมแม่น้ำซองก็เริ่มต้นขึ้นอย่างกันเองสุดๆ
ปล่อยของ
ปาร์ตี้บาร์บีคิวเมื่อคืน ทำเอาหลายคน ‘ปล่อยของ’ ออกมาอย่างไม่ออมแรง คนที่โอ้กอ้ากตั้งแต่เมื่อคืนก็โชคดีไป ส่วนคนที่ยังพะอืดพะอมอยู่ที่ดูท่าว่าคนที่อยู่ใกล้ๆ จะเดือดร้อน
เมื่อรถตู้เริ่มเคลื่อนที่ออกจากที่พัก อาการเมาค้างของหลายๆ คนก็เริ่มออก มีการค้นกระเป๋าเพื่อหยิบยาดม ยาลม ยาหม่องมาทาถู ทาถู บ้างก็ร้องหาถุง บ้างก็หลับเป็นตายเพื่อหนีอาการเมารถ ในที่สุดหลังจากโดนเหวี่ยงซ้าย เหวี่ยงขวาอยู่หลายสิบโค้ง พีก็เริ่มส่งเสียง และปล่อยของเมื่อคืนออกมา พวกที่นั่งอยู่ในรถก้เกิดอาการอยากเลียนแบบบ้าง แต่ก็สะกดอดกลั้นเอาไว้ได้ แต่แล้วก็มีคนที่สองตามมาไม่ห่าง อ้วกเงียบๆ แบบดูแลตัวเองได้ แต่กลิ่นโหยหวนเหลือเกิน พวกเราต้องรีบเปิดกระจกรถเพื่อถ่ายเทอากาศ ไม่งั้นอ้วกกันทั้งรถแน่นอน
เมื่อโทรถามรถอีกคันก็รู้ว่า มีมหกรรมปล่อยของแบบไม่แพ้คันเรา เหมือนๆ จะมีประชากรมากกว่าด้วย เราเลยไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมาเหล้า เมารถ หรือเมารักกันแน่ที่ทำให้เอาหารของเมื่อคืนถูกอัปเปหิออกจากท้องซะมากมายขนาดนี้
มิตรภาพไทย-ลาว
ถ้าใครมาถามเราว่า ไปลาวคราวนี้ได้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง เราขอให้ตัดคำถามนั้นทิ้งไปเลย เพราะถ้าหวังจะได้คำตอบแบบละเอียดยิบว่าที่นั่นดี ที่นี่งามมาก ก็คงจะไม่ได้อะไรจากเราสักนิด
เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแต่ละที่ที่น้องๆ พาไปมันชื่ออะไร มีความสำคัญยังไงบ้าง อาจจะด้วยเพราะระยะเวลาที่เราไปมันไม่นาน และที่สำคัญ ความสุขของพวกเราไม่ได้อยู่ที่การตระเวณไปที่ต่างๆ ให้ได้มากที่สุด แต่มันอยู่ที่เราทำอะไร และกับใครต่างหาก
อาจเป็นโชคดีของพวกเรา ที่ได้รู้จักน้องๆ วง Cells และพ้องเพื่อน ญาติมิตรของน้องๆ เค้าด้วย ทำให้เราได้รับการดูแล ต้อนรับเป็นอย่างดี เรารู้สึกประทับใจตั้งแต่ยังไม่เดินทาง เพราะน้องๆ หมั่นโทรมาสอบถาม และรายงานเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่เรื่อยๆ
‘ใจ’ ของเจ้าบ้าน ทำให้ผู้มาเยือนอย่างพวกเราประทับใจ
ไว้จะกลับไปคุย ‘เรื่องรัก’ ที่ลาวอีกแน่นอน