ตอนที่ตั้งใจว่าจะเริ่มอ่านหนังสืออย่างจริงจัง (ซึ่งก็คงต้องย้อนกลับไปราวๆ สิบปี) เรามีพฤติกรรมการอ่านที่น่าสมเพชอยู่บ้าง นั่นคือ ถ้าเป็นนวนิยาย หรือ เรื่องสั้นจะเปิดท้ายเล่มเพื่อดูตอนจบก่อน ถ้ามันจบแบบไม่ถูกใจก็จะไม่เปิดอ่านหน้าแีรกเลย ในทางตรงข้าม, ถ้าตอนจบมันสมสาใจ เราก็จะอ่านผ่านๆ เพื่อให้ไปถึงตอนจบเร็วๆ ส่วนถ้าเป็นนิตยสารหรือหนังสืออื่นๆ ก็จะตะลุย ตะกรุมตะกรามอ่านอย่างไม่คิดชีวิต อ่านเพื่อให้ได้ชื่อว่า อ่านจบเล่มแล้ว หรือเคยอ่านหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้มาแล้ว
เพิ่งเข้าใจว่าการอ่านเอา (แค่) เรื่องมันเป็นแบบนี้
แต่โชคดีที่พฤติกรรมแบบนี้อยู่กับเราไม่นานพอที่เราจะไม่สามารถเปลี่ยนมันได้
เราอ่านหนังสือช้าลง
ยิ่งถ้าเล่มไหนใกล้จะจบ บางทีเราเว้นไปหลายๆ วันก่อนจะกลับมาอ่านอีกที เพราะไม่อยากให้มันจบ,
บางทีนี่อาจเป็นผลจากการที่เราค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ เดินทางไปพร้อมกับตัวหนังสือที่ละคำ ทีละวรรค ทีละบรรทัด ทีละหน้าตามที่คนเขียนอุตส่าห์บรรจงเลือกถ้อยคำ คิดโครงเล่า และร้อยเรื่องมาให้อ่าน
จะเรียกว่าเคารพการคิดของคนเขียนหรือเปล่าไม่รู้,
รู้แต่ว่าเราผูกพันธ์กับหนังสือแต่ละเล่มที่ได้อ่านมากขึ้น
ได้รู้ความแตกต่างและจุดด้อย จุดเด่นของหนังสือแต่ละเล่ม
ได้รู้แม้กระืัทั่งว่าเราถนัดหรือชอบที่จะอ่านหนังสือแบบไหน และเล่มไหนที่จะไม่มีวันอ่าน
คุ้นๆ คล้ายๆ ว่ามีคนบอกว่าการทำความรู้จักใครสักคนก็เหมือนอ่านหนังสือสักเล่ม
ฟังดูเชย แต่เราว่าจริง
เมื่อก่อนไม่นานมา,
เราอาจจะเป็นคนสำลักการทำความรู้จัก
รีบร้อนลนลานที่ไปให้ถึงตอนจบ โดยเฉพาะต้องเป็นตอนจบแบบที่หวังว่าต้องแฮปปี้
ไม่สนใจว่ามีอะไรน่าจดจำบ้างในระหว่างที่ทำความรู้จักกันและกัน
ไม่อยากต้องให้ความสัมพันธ์ดำเนินไปอย่างแย่ แต่เราเองต่างหากที่ทำให้มันแย่เสียทุกครั้ง
ยังดีที่รู้ตัว
ยังดีที่พอจะไหวตัวได้ทัน
ไม่ว่าใครที่เดินเข้ามาในชีวิตเรา
ไม่ว่าความสัมพันธ์นั้นจะฉันท์ชู้สาว เชิงมิตร หรือคิดร้ายกัน
เราจะพยายาม ‘อ่าน’ ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยที่ไม่สนใจว่าัมันจะจบหรือสิ้นสุดเมื่อไหร่
อยากจะสนใจรายละเอียดปลีกย่อยให้มากขึ้นกว่าเดิม
ถ้าสุดท้ายแล้ว,
มันจะต้องจบลงแบบช้ำๆ
หรือปิดเล่ม เลิกอ่านก่อนจะถึงหน้าสุดท้าย
เราจะได้บอกตัวเองได้อย่างไม่อาย และไม่เสียใจทีหลัง
เีพราะอย่างน้อย ในช่วงเวลาหนึ่งเราได้เคยอ่านหนังสือเล่มนั้น
…
และแม้ว่าหนังสือบางเล่มที่เคยอ่านจบไปแล้ว
วันหนึ่งวันใดข้างหน้าเราอาจจะรื้อกลับมาอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าถ้ามันดีพอ
และในอีกทาง,
กับหนังสือที่เราตั้งใจอ่านแม้จะยังไม่ทันถึงครึ่งเล่ม
แต่ใจได้โอนเอียงตัดสินไปแล้วว่าเป็นหนังสือที่ดี เมื่อเราย้อนกลับมาอ่านอีกครั้งเราจะปิดเล่มมันทันทีทั้งที่อ่านยังไม่จบบรรทัด พร้อมกับบอกตัวเองดังๆ ว่า “โชคดีที่ไม่ได้อ่านจนจบ”
เพราะหนังสือบางเล่มมันก็ไม่คู่ควรกับการเสียเวลา,
โดยเฉพาะครั้งที่สอง
แต่ก็อย่างว่า,
ริจะเป็นนักอ่าน ริจะเปิดหนังสืออ่าน
ก็ต้องเตรียมใจ เืผื่อใจเอาไว้บ้างจะได้ไม่ต้องถึงกับทิ้งขว้างให้ตัวเองต้องปวดใจ