คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว

เมื่อวันศุกร์เราไปออกเดทมา…

     นัดแนะกับคนแปลกหน้าที่ค่อนข้างจะคุ้นเคยกันไปดูหนังเรื่อง Paris, Je t’aime ความรู้สึกที่ได้เจอกันครั้งแรกก็ตื่นเต้นนิดหน่อยแต่ก็รู้สึกสบายใจดี เพราะบางทีถ้าเราได้เจอคนที่เรารู้สึกถูกชะตา แม้ไม่ต้องพูดอะไรมากมายจนล้น มันก็สร้างความรู้สึกบางอย่างที่ดีกับหัวใจได้เหมือนกัน

     หนังที่เราไปดูมันเป็นรวมหนังสั้นเกือบๆ 20 เรื่อง เรื่องละ 5 นาที ทำโดยผู้กำกับดังๆ มากมาย เช่น กัส แวน แซงต์ (Elephant), วอลเตอร์ ซัลเลส (Motorcycle Diary), อัลฟองโซ กัวรอง (Harry Potter 4) และที่ชื่อเรื่องมันต้องเป็น ‘Paris’ ก็เพราะว่ามันเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองปารีสไง เราว่ามันเป็นวิธีการที่น่ารักดีนะ พาเราไปรู้จักมุมต่างๆ ในปารีสแบบที่ไม่ต้องยัดเยียดข้อมูล แต่โคตรจะกระตุ้นให้เราอยากไปอยู่ตรงนั้นเลย และเพราะมันเป็นหนังสั้นระดับชาติ ระดับมหานครขนาดนี้ นักแสดงนำก็ไม่น้อยหน้าผู้กำกับเหมือนกัน เช่น นาตาลี พอร์ตแมน (กรี๊ดมากๆ), กัสปาร์ด อุลลิเยร์ (Hanibal Rising) และ อีไลจาห์ วู้ด เป็นต้น

     เรื่องที่เราชอบมากที่สุดมี 2 เรื่อง เรื่องแรกกำกับโดย กัส แวน แซงต์ มันเป็นเรื่องน่ารักๆ ที่เกิดขึ้นในย่านเกย์ แน่นอนว่ามันก็เป็นหนังสั้นเกย์นั่นแหล่ะ แต่ทำได้โคตรจะยิ้มเลย เป็นเหตุการณ์เล็กๆ ที่เราคาดไม่ถึง แต่เชื่อเถอะว่าวันใดวันนึงมันอาจเกิดขึ้นกับเรา จะว่าไปที่เราชอบเรื่องนี้อาจจะเพราะการคัดเลือกนักแสดงด้วยละมั้ง…หล่อมากกกก

     เรื่องที่สอง กำกับโดย อเล็กซานเดอร์ เพย์น อาจจะด้วยเพราะเราติดใจหมอนี่จาก Side Way ก็ได้มั้ง เลยทำให้ตั้งหน้าตั้งตาดูเรื่องนี้เป็นพิเศษ (และอาจจะด้วยเพราะมันเป็นเรื่องสุดท้ายใน Paris, Je t’aime) แล้วเค้าก็ไม่ทำให้เราผิดหวังเลย หนังสั้นจี๊ดๆ ที่กระแทกใจเราอย่างจัง และยังติดค้างความรู้สึกนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ และน่าแปลกที่ตอนนั่งอยู่ในโรง เรากลับนึกถึงเพลง ‘คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว’ ขึ้นมา แม้จะเคยฟังเพลงนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่เราก็ไม่เคยเข้าใจมันลึกซึ้งเท่ากับค่ำวันนั้นมาก่อนเลย

     หนังสั้นเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่เล่าเรื่องของป้าชาวอเมริกันคนหนึ่งที่ทำงานงกๆ เพื่อนเก็บเงินมาเที่ยวปารีส เมืองในฝัน…คนเดียว ไม่อยากเล่าอะไรมาก อยากให้ไปสัมผัสความรู้สึกของการเที่ยวคนเดียวดูเอาเอง มันจะมีฉากง่ายๆ ที่จะทำให้เราอึ้ง ว่าแล้วก็อยากไปดูอีกสักรอบ…คนเดียว

.

.

.

ตะวันลับฟ้าเมื่อตอนเย็นๆ จะเป็นเวลาที่ใจหาย
ปลายท้องฟ้ากับแดดรำไร ฉันเหมือน…ใจจะขาด
ยังกังวล ห่วงใครบางคน ที่ไม่อาจพบและเจอ
คิดถึงเธอทุกที ที่อยู่คนเดียว

ไม่เคยได้รู้ว่าเธอเป็นไง ข่าวคราวเงียบหายเมื่อจากกัน
เธอมีใครมาแทนที่ฉัน และเขาดีหรือเปล่า
มีฉันไหมเวลาที่ฝัน หรือว่าลืมทุกเรื่องราว
ยังคิดถึงฉันหรือเปล่า เมื่ออยู่คนเดียว

ตั้งแต่ครั้งนั้น ที่เธอไม่อยู่ ชีวิตดูเปลี่ยนไป
ยังอ้างว้าง ยังเสียใจ เหลือเพียงแต่ความเงียบเหงา
ยังคิดถึง วันที่ผ่าน วันที่มีแต่เรา
แต่วันนี้มันว่างเปล่าเหงาจับจิตใจ คิดถึงเธอรู้ไหม
ยังคิดถึงเธอทุกที ที่อยู่คนเดียว

ง่วงซึม

ยาคลายกล้ามเนื้อ บรรเทาปวด * *

ทานยานี้แล้วอาจรู้สึกง่วงซึม

^

^

     นั่นคือคำเตือนบนซองยาที่เราเพิ่งได้มาเมื่อวันพุธ แล้วเราก็กินยาหลังอาหารมือเย็นวันพุธเป็นครั้งแรกที่ออฟฟิศ แล้วเราก็นั่งทำงานต่ออีกเล็กน้อย จนรู้สึกเซื่องๆ ตาปรือ เลยบอกน้องที่ยังนั่งทำงานอยู่ว่าให้กลับบ้านพร้อมกัน เพราะเรากลัวว่าจะเผลอหลับตอนเดินไปรอรถเมล์ ซึ่งมันก็เป็นไปอย่งที่คิดจริงๆ เพราะตอนที่ขึ้นรถเมล์แล้วเราก็รู้สึกอยากจะฟุบหลับให้ได้ โชคดีที่รถไม่ติดมากเลยถึงห้องก่อนหลับ

     และทันทีที่ถึงห้องเราก็ขึ้นเตียงหลับปุ๋ยทันที เหลือบดูนาฬิกาก่อนจะนิทรารมณ์ก็เห็นว่ามันเพิ่งจะ 4 ทุ่มครึ่งเท่านั้น คุณพระ! เราไม่เคยหลับเร็วมาก่อน รู้สึกดีจริงๆ ที่เราหลับเร็ว หลับสนิท และไม่คิดฟุ้งซ่านถึงใคร

     ตื่นเช้ามายิ้มกริ่ม นอนจนอิ่ม สนิท สบายใจ แต่สิ่งที่กังวลมากกว่า คือ เราต้องกินข้าวเช้าเพื่อกินยามือแรก และเมื่อกินยาไปเราจะต้องมาง่วงซึมที่ออฟฟิศแน่ๆ ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย ฟุบลงกับโต๊ะแล้วก็ตาปรือ ใจซึมๆ สมองเบลอๆ อาการมันจะเป็นอย่างนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง…เอาหล่ะ วันนี้จะสู้กับความง่วงในช่วงกลางวันให้ได้ เราจะต้องเป็นแบบนี้จนกว่าจะวันพุธหน้า ซึ่งยาจะหมด เย้ๆๆๆ

.

.

.

แต่สิ่งที่ทำให้ซึมยิ่งกว่ายาคลายกล้ามเนื้อก็คือ นิตยสารที่เราอ่านประจำเล่มหนึ่งกำลังจะปิดตัวลง และหายไปจากแผงหนังสือ ตอนที่รู้ก็อึ้งเพราะคิดไม่ถึง มันไม่มีสัญญาณล่วงหน้าอะไรที่จะบอกเราได้เลย แต่น้องที่เป็นคอลัมนิสต์อยู่ที่นั่นก็ยืนยันว่า “ชัวร์” เราเลยซึมจ๋อย ไม่รู้ว่าต่อไปจะหาหนังสืออะไรมาอ่านทดแทนกันดี…เฮ่อออ

คุณสมบัติกับคุณธรรม

     เมื่อวานเรานั่งอ่านข่าว รวมถึงความคิดเห็นของผู้คนที่มีต่อคดีฆาตกรรมแพทย์หญิงผัสพร คนที่ลงมือทำก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เป็นนายแพทย์วิสุทธิ์ ซึ่งเป็นสามีที่อยู่กินกันมาจนมีลูกมีเต้า 2 คน เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว เป็นคดีที่ครึกโครมพอสมควร เพราะคนที่ก่อความผิดเป็นหมอ ซึ่งเป็นอาชีพที่สังคมให้ค่านิยมโดยรวมว่ามีคุณธรรม จิตใจดี ช่วยเหลือผู้คน แต่เมื่อหมอ ซึ่งเคยช่วยชีวิตคนมามากมายกลับทำเช่นนี้เสียเอง มันก็สั่นคลอนความรู้สึกในใจใครหลายคนไม่น้อย รวมถึงเราเองด้วย…แต่สุดท้ายเราก็ต้องไม่ลืมว่า ต่อให้เป็นหมอ หรือนักบวช ทุกคนก็ยังเป็นมนุษย์ ย่อมต้องมีด้านมุมที่เราคาดไม่ถึงอยู่เสมอ

     นายแพทย์วิสุทธิ์ถูกตัดสินประหารชีวิต ด้วยข้อหามากมายแต่ตัวผู้ต้องหาเองก็ยังคงให้การปฏิเสธ…เรื่อยมา ทำให้หลายคนยังเชื่อว่าเขาไม่ได้วางแผนฆ่าภรรยาของตัวเอง แต่หลักฐานที่ปรากฎมันก็ย่อมทำให้เราเชื่อไปเช่นนั้น ถึงตอนนี้เรายังไม่แน่ใจเลยว่าเขาทำจริงๆ หรือไม่ คนที่รู้ความจริงก็คงมีอยู่แค่คนเดียวบนโลกนี้ คือ นายแพทย์วิสุทธิ์เอง ซึ่งเพราะความไม่แน่ใจ ไม่รู้จริงนี่แหล่ะ ที่ทำให้เกิดความเห็นเป็น 2 ฝ่าย

     ฝ่ายแรกเชื่อใจนายแพทย์วิสุทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะคนที่รู้จัก ใกล้ชิดก็มักจะบอกว่า “ไม่เชื่อว่าคุณหมอจะทำแบบนั้นเพราะเป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้คน” หรือ “อาจารย์เป็นคนน่ารักมาก ลูกศิษย์ทุกคนรักอาจารย์มากๆ” หรือ “สงสารคุณหมอวิสุทธิ์”แถมบางคนยังขุดคุ้ยเบื้องลึกว่า แพทย์หญิงผัสพรเป็นคนไม่ดี อย่างโน้นอย่างนี้ ฯลฯ เลยทำให้คุณหมออึดอัดใจ

     ฝ่ายหลัง เชื่อว่านายแพทย์วิสุทธิ์ทำแน่ๆ จากหลักฐานทั้งหมดแม้ว่าคุณหมอจะยังไม่ยอมรับก็ตาม และเห็นสมควรว่าต้องมีการลงโทษไปตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นคนที่ประกอบอาชีพที่น่าเชื่อถือ แต่กลับนำความรู้มาใช้ในทางที่ผิด แถมยังเลือดเย็นด้วยการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอนมานานหลายเดือน

     เราบอกไม่ถูก, รู้แค่ว่าถ้าทำความผิดจริงก็สมควรรับโทษ เพราะอย่างที่บอกแหล่ะ ไม่ว่าคุณหมอจะมีคุณสมบัติที่ดีมากมาย เช่น เป็นหมอสูตินารีอันดับต้นๆ ของเมืองไทย หรือ เคยเป็นอาจารย์หมอที่มีลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพนับถือมากมาย แต่คุณหมอได้ทำลายคุณธรรมที่มีอยู่ในตัวไปจนหมดสิ้น เราว่ามันน่ากลัว โดยเฉพาะคนที่บอกว่า “สงสารหมอวิสุทธิ์” ยิ่งน่ากลัวกว่า

     เราเองก็ไม่รู้ว่าคุณหมอผัสพรเป็นคนไม่ดีอย่างที่ใครหลายคนลือหรือเปล่า และถึงจะเป็นจริงๆ ก็สมควรแล้วหรือที่สามีจะกำจัดเธอด้วยวิธีนี้?

ice bar และยา 3 ขนาน

     ข้างนอก, ฝนตกห่าใหญ่ น้ำฝนมากมายทะลักร่วงล้นลงมาจากบนฟ้า ทำเอาเราที่นั่งตัวลีบอยู่บนรถเมล์มองอะไรไม่เห็นนอกจากฝ้าขาวๆ นั่งนึกว่าเราเป็นนางเอกมิวสิควิดีโอหรือเปล่า ซึ่งถ้าเราเป็นนางเอกจริงๆ ตอนจบอาจจะไม่ต้องนั่งเป็นหมาหงอยก็ได้นะ

     เหตุที่เกือบจะบ่ายโมงแล้วยังนั่งอยู่บนรถเมล์เพราะเราไปหาหมอมา นาน..น๊านทีถึงจะได้ฤกษ์เดินเข้าโรงพยายาบาลด้วยความตั้งใจขนาดนี้ ถ้าไม่ไปตรวจสุขภาพเราก็แทบจะไม่ย่างกรายเข้าไปเลย เป็นไข้ ตัวร้อน มึนหัว อะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็คว้ายาขึ้นมากิน แล้วก็นอนพักจนกว่ามันจะหายไปเอง

     ส่วนวันนี้ที่ไปก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรง นอกจากตะกร้อครอบปากเราหลุด ไม่ใช่! คือ ขากรรไกร (เรียกว่ากรามก็ได้มั้ง) เรามันค้างๆ ล็อคๆ อะไรสักอย่างเรียกศัพท์ทางการแพทย์ไม่ถูก รู้แค่ว่าเราอ้าปากกว้างอย่างปกติไม่ได้ ซึ่งตอนที่เป็นแรกๆ ก็ไม่ได้มีอาการปวดร้าว เศร้าซึมอะไรมากมาย ก็แค่สร้างความหงุดหงิดและรำคาญใจในยามที่จะเคี้ยว จะกินอะไรก็ลำบาก แต่ตอนหลังเหมือนเริ่มปวดๆ เลยกลัวว่ามันจะลามปาก ลามปามไปกันใหญ่ ที่สำคัญ เรากลัวว่ามันจะไม่หายสนิท จึงตัดสินใจไปปรึกษาหมอจะดีกว่า

     หลังจากนั่งรอพยาบาลจัดคิวอยู่สักพัก เราก็โดนเรียกชื่อและเข้าไปพบหมอผู้หญิงท่าทางใจดีคนนึง หมอก็ถามอาการเรา เราก็เล่าไปตามที่เล่าให้ฟังข้างต้น แล้วหมอก็เอาเครื่องมือหน้าประหลาดๆ มาส่องรู้หูเรา, ให้เราอ้าปากเพื่อตรวจดูภายในช่องปาก แล้วก็กุกกักๆ อะไรอีกนิดหน่อย แล้วหมอก็บอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เลยถามย้ำว่าเราไปทำฟันมา หรือไปทำอะไรเกี่ยวกับปากและขากรรไกรมาหรือเปล่า เราก็บอกว่าไม่ หมอเลยบอกว่าต้องขอเอ็กซเรย์ดูกระดูกข้างในว่ามันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า

     นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้รู้จักเครื่อง Dental X-Ray มันคล้ายๆ กับเครื่องตรวจวัดสายตา แต่จะมีกล้องที่หมุนรอบกระโหลกเรา ก็มีทั้งยืนหุบปากสนิทๆ กับอ้าปากให้กล้องมันบันทึกภาพลงฟิล์ม เราต้องทำ 2 รอบ เพราะครั้งแรกมันเห็นไม่ชัด

     ทำทุกอย่างเสร็จสรรพนั่งรอผลด้วยอาการปวดท้องเพราะหิวข้าวมากๆ สรุปคือ หมอบอกว่ากระดูข้างในมันปกติ ไม่ร้าว ไม่เอียง ไม่อะไรทั้งนั้น สงสัยว่ากล้ามเนื้อขากรรไกรเราอาจจะบวม หรืออักเสบ เลยสั่งยามาให้เรากิน 3 ชนิด และให้เราปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดนิดหน่อย ด้วยการค่อยๆ กินข้าวคำเล็กๆ จะหาวหรือจะหัวเราะก็ค่อยๆ ระมัดระวังการอ้าปาก จากนั้นอาทิตย์หน้าก็ไปพบหมออีกครั้ง เพื่อดูว่ามันแย่ลง ดีขึ้น หรือทรงตัว

     กว่าจะถึงอาทิตย์หน้า…เราต้องกินยาตั้ง 3 ขนาน เม็ดใหญ่มากๆ ด้วย ตายแน่ๆ ไม่ชอบกินยาจริงๆ เฮ่อ! แต่ก็นะ ทำไงได้ล่ะเป็นซะขนาดนี้แล้ว และเหนืออื่นใด เราต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการตื่นและการกินอาหาร เพราะยาที่ได้รับมาต้องกินหลังอาหารเช้าและเย็น ซึ่งเราเป็นคนไม่เคยกินข้าวเช้าเลย ถ้าไม่เที่ยงกว่าก็บ่ายแก่ๆ ไปเลย นั่นคือ มื้อแรกของเรา นี่กะว่าพรุ่งนี้ต้องเริ่มตื่นเร็วขึ้น เพื่อลงมากินข้าวเช้า เพื่อจะได้กินยาที่อาจทำให้เราง่วงอีกตะหาก

     เหลือบตาขึ้นไปมอง เพิ่งเห็นว่าตัวหนังสือเรียงกันยาวเฟื้อย ปวดตากันหมดแล้วมั้งเนี่ย เขียนอีกเรื่องเดี๋ยวพอแล้ว ปวดตาเหมือนกัน

37.jpg06.jpg

19.jpg

     เมื่อคืนเราไปดูหนังเรื่อง Ice Bar มา (ชื่อภาษาไทยว่า ‘ไอติมอิ่มอุ่น’) จริงๆ ก็ไปคนเดียวแหล่ะ แต่เผอิญได้เจอน้องที่ออฟฟิศซึ่งเพิ่งลาออกไป เลยฉุดให้ไปดูด้วยกัน แล้วมันก็ดีจริงๆ หนังมันสนุกมากๆ ทำให้เราหัวเราะร่า และน้ำตาไหลได้ในเวลาไล่เลี่ยกัน จะว่าไปมันก็หนังสูตรแหล่ะ แต่สูตรนี้มันอิ่มใจดี ยิ่งมีคนไปนั่งหัวเราะด้วยกันมันทำให้บรรยากาศการดูหนังของเรามันดีขึ้นเป็นสองเท่าเลย…

     ไปหาดูกันได้ที่ลิโดนะ

ซึมเศร้า

โรคซึมเศร้า    

     ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้าและไม่ได้รับการรักษา ทั้งที่ปัจจุบันมียาและวิธีการรักษาที่ได้ผลดี บทความนี้จะเป็นแนวทางในการวินิจฉัยหากพบว่าคนที่รู้จักมีอาการเหมือนกับโรคซึมเศร้ารีบแนะนำให้เขาไปพบจิตแพทย์

โรคซึมเศร้าคืออะไร

     โรคซึมเศร้าเป็นการป่วยทั้งร่างกาย จิตใจและความคิด ซึ่งผลของโรคกระทบต่อชีวิตประจำวันเช่นการรับประทานอาหาร การหลับนอน ความรับรู้ตัวเอง ผู้ป่วยไม่สามารถประสานความคิด ความรู้สึกของตัวเพื่อแก้ปัญหา หากไม่รักษาอาการอาจจะอยู่เป็นเดือน

โรคซึมเศร้ามีกี่ชนิด

  1. Major depression ผู้ป่วยจะมีอาการ(ดังอาการข้างล่าง)ซึ่งจะรบกวนการทำงาน การรับประทานอาหาร การนอน การเรียน การทำงาน และอารมสุนทรีย์ อาการดังกล่าวจะเกิดเป็นครั้งๆแล้วหายไปแต่สามารถเกิดได้บ่อยๆ
  2. dysthymia เป็นภาวะที่รุนแรงและเป็นเรื้อรังซึ่งจะทำให้คนสูญเสียความสามารถในการทำงานและความรู้สึกที่ดี
  3. bipolar disorder หรือที่เรียกว่า manic-depressive illness ผู้ป่วยจะมีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ซึ่งบางคนอาจจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่วนมากจะค่อยเป็นค่อยไป เวลาซึมเศร้าจะมีอาการมากบ้างน้อยบ้าง แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นช่วงอารมณ์ mania ผู้ป่วยจะพูดมาก  กระฉับกระเฉงมากเกินกว่าเหตุ มีพลังงานเหลือเฟือ ในช่วง mania จะมีผลกระทบต่อความคิด การตัดสินใจและพฤติกรรมผู้ป่วยอาจจะหลงผิด หากไม่รักษาภาวะนี้อาจจะกลายเป็นโรคจิต

อาการของโรคซึมเศร้า

     ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าอาจจะไม่จำเป็นต้องมีอาการทุกอย่าง บางคนก็มีบางอย่างเท่านั้น

อาการซึมเศร้า depression

  1. การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ได้แก่
  • รู้สึกซึมเศร้า กังวล อยู่ตลอดเวลา
  • หงุดหงิดฉุนเฉียว โกรธง่าย
  • อยู่ไม่สุข กระวนกระวาย

2. การเปลี่ยนแปลงทางความคิด

  • รู้สึกสิ้นหวัง มองโลกในแง่ร้าย
  • รู้สึกผิด รู้สึกตัวเองไร้ค่า ไม่มีทางเยียวยา
  • มีความคิดจะทำร้ายตัวเอง คิดถึงความตาย พยายามทำร้ายตัวเอง

3. การเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้หรือการทำงาน

  • ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ความสนุก งานอดิเรก หรือกิจกรรมที่เพิ่มความสนุกรวมทั้งกิจกรรมทางเพศ
  • รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีพลังงาน การทำงานช้าลง การงานแย่ลง
  • ไม่มีสมาธิ ความจำเสื่อม การตัดสินใจแย่ลง

4. การเปลี่ยนปลงทางพฤติกรรม

  • นอนไม่หลับ ตื่นเร็ว หรือบางรายหลับมากเกินไป
  • บางคนเบื่ออาหารทำให้น้ำหนักลด บางคนรับประทานอาหารมากทำให้น้ำหนักเพิ่ม
  • มีอาการทางกายรักษาด้วยยาธรรมดาไม่หายเช่น อาการปวดศีรษะ แน่นท้อง ปวดเรื้อรัง
  • ความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นแย่ลง

อาการ Mania

  • มีอาการร่าเริงเกินเหตุ
  • หงุดหงิดง่าย
  • นอนน้อยลง
  • หลงผิดคิดว่าตัวเองเก่ง ตัวเองใหญ่
  • พูดมาก
  • มีความคิดชอบแข่งขัน
  • ความต้องการทางเพศเพิ่ม
  • มีพลังงานมาก
  • ตัดสินใจไม่ดี
  • มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป

สาเหตุของโรคซึมเศร้า

  1. พันธุ์กรรม พบว่าโรคซึมเศร้าชนิด bipolar disorder มักจะเป็นในครอบครัวและต้องมีสิ่งที่กระตุ้น เช่นความเครียด
  2. มีการเปลี่ยนแปลงการทำงานของสมองหรือสารเคมีในสมองการเปลี่ยนแปลงของสมดุลของสารเคมี ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในสมอง มีผลต่ออารมณ์ซึมเศร้าของคน (โดยเฉพาะสารสีโรโทนิน นอร์เอปิเนพริม และโดปามีน)
  3. ผู้ที่มองโลกในแง่ร้าย ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง
  4. โรคทางกายก็สามารถทำให้เกิดโรคซึมเศร้า เช่นโรคหัวใจ อัมพาต ทำให้ผู้ป่วยมาสนใจดูแลตัวเองโรคจะหายช้า
  5. มีการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในเลือด เช่นวัยทอง หรือหลังคลอดก็สามารถทำให้เกิดอาการซึมเศร้า
  6. ความเครียดที่เกิดจากสาเหตุต่างเช่น การสูญเสีย การเงิน การงาน ปัญหาในครอบครัวก็สามารถเป็นเหตุให้เกิดโรงซึมเศร้า
  7. ผู้ที่เก็บกดไม่สามารถแสดงอารมณ์ออกมา เช่นดีใจ เสียใจหรืออารมณ์โกรธ
  8. ผู้ที่ด้อยทักษะต้องพึ่งพาผู้อื่น

.

.

.

ลองตรวจสอบตัวท่านหรือคนใกล้เคียงว่ามีใครเป็นโรคซึมเศร้าบ้าง

ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่าน

  • รู้สึกกลุ้มใจ ซึมเศร้า ทุกๆ วัน หรือทั้งวัน หรือไม่
  • รู้สึกเบื่อทุกๆ สิ่งหรือไม่
  • เบื่ออาหารหรือไม่
  • มีปัญหาในการนอนหลับหรือไม่
  • รู้สึกกระวนกระวาย (หรือซึมๆ เนือยๆ) หรือไม่
  • รู้สึกเพลีย เหนื่อยง่าย หรือไม่
  • รู้สึกผิด ไร้ค่า ไร้ความสามารถ หรือไม่
  • รู้สึกใจลอย ไม่มีสมาธิ หรือไม่
  • รู้สึกเบื่อชีวิต คิดอยากฆ่าตัวตาย หรือไม่

     ถ้าท่านมีอารมณ์เศร้า เบื่อทุกๆ อย่าง นานกว่า 2 สัปดาห์ และมีอาการต่อไปนี้อีกอย่างน้อย 4 ข้อ ท่านอาจเป็นโรคซึมเศร้า

  • เบื่ออาหาร ผอมลง
  • นอนไม่หลับ
  • กระวนกระวาย หรือซึมๆ เนือยๆ
  • อ่อนเพลียง่าย
  • รู้สึกผิด ไร้ค่า
  • ขาดสมาธิ
  • คิดอยากตาย

     โรคซึมเศร้าเป็นการเจ็บป่วยของจิตใจ ผู้ป่วยร้อยละ 70-80 รักษาได้ด้วยยาแก้ซึมเศร้า หากท่านหรือญาติพี่น้องหรือเพื่อนร่วมงานของท่านมีอาการซึมเศร้า โปรดติดต่อแพทย์ของท่านหรือผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช

 

เล่าเรื่องจากภาพ

ภาพทุกภาพเล่าเรื่องได้

ขึ้นอยู่กับว่าภาพๆไหนจะ ‘ถูกเลือก’ ขึ้นมาให้ ‘เล่าเรื่อง’

และมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเชื่อในภาพที่เห็นหรือไม่

อย่าลืมว่าภาพทุกภาพมีที่มาที่ไปและเบื้องหลัง เบื้องลึก

ภาพที่เห็นจึงไม่ได้เล่าเพียงสิ่งที่เห็นตรงหน้าเท่านั้น

.

.

.

ไม่ว่าฝ่ายไหน ข้างไหน

ก็อยากที่จะให้ ‘ภาพ’ ของตนปรากฎและส่งสารสู่มวลชน

มวลชนจึงต้องตั้งสติในการรับสารให้ดี

อย่าใช้อารมณ์ร่วมในการตัดสิน

อย่าใช้อคติในการเชื่อ

อย่าพยายามบิดเบือนความจริง

อย่าดูถูกคนที่คิดต่าง

อย่าป่วนคนที่ไม่ได้เดินด้วยกัน

อย่าปลุกปั่นเพียงเพราะอยากหาแนวร่วม

และอย่ากล่าวอ้าง ‘สันติวิธี’ ถ้าวิธีที่เลือกใช้มันไม่ก่อสันติใดๆ

A New Day

ห้องที่ดูว่างเปล่า เธอก็ดูเงียบเหงา

ที่แววตาเธอนั้นยังดูเศร้า ฉันรู้เธอคิดอะไร

ในมือเธอมีรูปถ่าย หน้าต่างเธอปิดเอาไว้

จะเก็บความทรงจำแค่นั้นก็คงง่าย แต่เก็บเวลาคงไม่ไหว

อย่าติดกับวันที่ดีเก่าๆ

อย่าอยู่กับความคุ้นเคยเก่าๆ

อย่าให้วันคืนที่ดีเก่าๆ มันทำร้าย

เปิดหัวใจของเธอค้นหา สิ่งที่ใจนั้นคอยไขว่คว้า

(ให้เวลารักษาและพาไปพบ) (กับวันใหม่)

ออกไปดูข้างนอก และบอกตัวเองเอาไว้

สิ่งดีๆในชีวิตนี้ต้องมีใหม่ ถ้าใจของเธอนั้นพร้อม

อย่าติดกับวันที่ดีเก่าๆ

อย่าอยู่กับความคุ้นเคยเก่าๆ

อย่าให้วันคืนที่ดีเก่าๆ มันทำร้าย

เปิดหัวใจของเธอค้นหา สิ่งที่ใจนั้นคอยไขว่คว้า

(ให้เวลารักษาและพาไปพบ) (กับวันใหม่)

วันคืนที่แสนดีนั้นก็ควรที่จะจดจำ

แต่รอคอยให้ย้อนคืน คงต้องเจอกับความเจ็บช้ำ

อย่าติดกับวันที่ดีเก่าๆ

อย่าอยู่กับความคุ้นเคยเก่าๆ

อย่าให้วันคืนที่ดีเก่าๆ มันทำร้าย

เปิดหัวใจของเธอค้นหา สิ่งที่ใจนั้นคอยไขว่คว้า

(ให้เวลารักษาและพาไปพบ) (กับวันใหม่)

พยากรณ์อากาศ ณ ขณะนี้

ข้างนอก

ฝนตกค่อนข้างหนัก แถมมีลมกรรโชกแรง สรุปคือ มันทำให้เราไปไหนไม่ได้ หรือที่จริงเราก็แค่กลัวมัน แล้วก็หาข้ออ้างที่จะไม่ออกไปไหนต่อไหนคนเดียว ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปดูหนัง

ข้างใน

ได้คุย MSN กับคนที่เราไม่ได้ติดต่อมานานเกือบเดือน และได้รับโทรศัพท์ชวนให้ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน…เราบอกปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าฝนตก ใครคนนั้นบอกว่า “นั่งแท็กซี่มาก็ได้” มันก็ถูกของเขา เราเลยบอกว่า “ยังไม่พร้อม”….

Enjoy drinking beer…Cheer!!!

ขี้เกียจตัวเป็นขน

cat.jpg

  • อยากนอนตื่นบ่ายๆ แล้วก็กลิ้งไปกลิ้งมาติดกัน 2 วันให้หนำใจ แต่พรุ่งนี้ต้องออกกอง -_-”
  • เมื่อคืนเป็นต่อขำมากๆ ตอนที่พี่อู๊ดบอกว่า “ถ้ามีใครตดอีก กูจะนั่งขี้มันตรงนี้เลยครับพี่น้อง”
  • ถ้าเงินเดือนออกจะเอาไปร่วมสมทบทุนซื้อจานดาวเทียม ใครอยากรู้ว่าเค้าเอาจานดาวเทียมไปทำอะไรก็ให้เปิดดูรายการเจาะใจ…เห็นคนช่วยกันทำดีแล้วขนลุก
  • วันนี้เริ่มต้นเทศกาลหนัง BIFF แล้ว ใครอยากเจอเราก็คงหาได้ที่หน้าโรงหนัง SF เซ็นทรัลเวิร์ลนะ (ว่าแต่…ใครจะอยากเจอแก)
  • ใครอยากชวนสังสรรค์ ชนแก้ว ก็รีบๆ หน่อย เพราะเราตั้งใจจะงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลังเข้าพรรษา (ถ้าทำได้นะ)
  • เฮ่อ! ประเทศฮอลล์แลนด์หน้าตาเป็นไงนะ