Albert Nobbs ชุดแฟนซีบริกร

ถึงจะผ่านมาเป็นร้อยปีแต่ที่ทางและการถูกยอมรับของผู้หญิงก็ยังแทบไม่แตกต่าง
แม้ปัจจุบันเพศหญิงจะได้ทำอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้น ต่างจากยุคบรรพบุรุษ
แต่ก็ยังอยู่ในวงจำกัด พวกเธอต้องใช้พลังใจและแรงกายเพื่อแลกที่ทางในการสร้างตัวตน
เพื่อให้ได้รับการยอมรับถึงการมีอยู่ ถึงการมีประโยชน์ในการมีอยู่

หนังพาเราย้อนไปช่วงศตวรรษที่ 19 ที่ไอร์แลนด์
มีตัวละครเล็กๆ ที่ไม่ได้มีความสำคัญในโรงแรมแห่งหนึ่ง
ชีวิตเล็กๆ เหล่านั้นดำเนินไปด้วยงานบริการที่วุ่นวายตลอดทั้งวัน-คืน
รวมถึง อัลเบิร์ต น็อบส์ บริกรชายที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี
เขาเคร่งครัด เคร่งเครียด และเคร่งขรึม

ทุกคนในโรงแรมรู้ว่าเขาอยู่ตัวคนเดียว
แต่เหตุผลที่ทำให้เขายังครองความโสด จะมีใครที่รับรู้นอกจากตัวเขา
หนังจะเฉลยให้เรารู้ว่า ‘ความลับ’ ที่อัลเบิร์ตปิดบังโลก และผู้คนไว้นั้นคืออะไร

การต้อง ‘ใส่ชุดบริกร’ และทำงานในโรงแรมของน็อบส์ไม่ต่างกับการแต่งชุดไปงานแฟนซี
เพราะสิ่งที่ทุกคนเห็นน็อบส์ในแบบนั้นมาตลอด กลับไม่ใช่สิ่งที่ตัวน็อบส์เป็น
แต่เพราะสภาพสังคมที่ ‘อยู่ยาก’ ทำให้เขาต้องเลือกทำในสิ่งที่ควรเป็นมากกว่าสิ่งที่เป็น

น็อบส์ตั้งใจทำงาน เพื่อเก็บออมเงินที่ละเล็กจนเป็นเงินมากไม่น้อย
เขามีความฝัน ฝันที่จะออกไปสร้างกิจการของตัวเอง
อยากมีร้านขายบุหรี่ อยากหลุดไปจากการจับจ้อง จากการถูกมองเห็นในสิ่งที่ไม่ได้เป็น
แต่การจะทำฝันให้เป็นจริง น็อบส์ควรต้องเล่นให้ถึงบทบาทมากกว่าที่เคย

น็อบส์อยากจบสภาวะชายโสด
เขามองหาผู้หญิงสวยๆ ดีๆ สักคนที่จะใช้ชีวิตคู่และดูแลร้านในฝันไปด้วยกัน
แต่ชีวิตจริงก็ไม่เคยง่ายเหมือนความฝัน

Albert Nobbs

ชีวิตของน็อบส์
อาจเป็นเพียงตัวละครตัวหนึ่งที่ต้องเล่นไปตามบทบาทสมมติ
ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ

หากโลกเป็นดังเช่นละคร
เราทุกคนก็กำลังสวมบทบาทอยู่ใช่หรือไม่
เรากำลังทำฝันของตัวเอง หรือของบทบาทที่เราแสดงอยู่
เป็นเส้นบางๆ ที่บางทีเราก็อาจจะไม่อยากรู้เลยก็ได้

warm bodies ศพเลือดอุ่น

ปกติไม่ชอบหนังแนวซอมบี้
แม้แต่ทวไลท์ที่ฮิตๆ กัน ก็เคยพลั้งไปดูภาคแรกแต่ก็แทบจะหลับคาโรง

เรื่องนี้เปิดเจอโดยบังเอิญ
แต่ตั้งใจดูจนจบ

ชอบที่มันเป็นหนังซอมบี้ที่ไม่เหมือนหนังซอมบี้เรื่องอื่นๆ
การตีความและการนำเสนอมันน่าสนใจและมันเป็นหนังรักดีๆ เรื่องหนึ่งเลย
ทำให้นึกถึงเรื่องพี่มากพระโขนงขึ้นมา แม้ว่าเนื้อเรื่องจะไม่เหมือนกัน
แต่มันมีอะไรบางอย่างคล้ายกัน นั่นคือ ประเด็นเรื่องความแตกต่าง

การอยู่ร่วมกับสิ่งที่เราตีความว่า ‘ไม่ใช่พวก’
ไม่เหมือนกัน ต่างสุดขั้ว แปลกแยกสุดขีด ตามที่เชื่อๆ และรับรู้กันมา
ผีกับคน คนกับผีจะอยู่กันไปได้อย่างไร
นี่คือสิ่งที่หนังสองเรื่องบอกว่าอยู่ด้วยกันได้ ดีลได้ คุยกันได้ จัดการได้

สำหรับ warm bodies
ทำให้ฉันประทับใจมากขึ้นด้วยภาพลักษณ์ของซอมบี้
ที่นอกจากจะไม่น่ากลัวแล้ว พวกเขาก็ไม่ต่างไปจากสัตว์เลือดอุ่นอย่างเราๆ
ซอมบี้ก็มีหัวใจ
ซอมบี้ก็รู้สึกเป็น
ซอมบี้ใช้อารมณ์ได้
และซอมบี้ก็มีความฝัน ฝันแบบที่ว่านอนหลับและเพ้อถึงเรื่องราวที่คาดหวัง

สุดท้ายฉันคิดว่าหนังย้ำให้เห็นว่าความต่างไม่ใช่ปัญหา
การไม่ยอมรับ ไม่พยายามเข้าใจความต่างนั่นแหละที่เป็นปัญหา

Begin Again

เธอกับฉัน,
และคนอื่นๆ อีกมากมาย

begin again 03

คนสองคนมาเจอกันในวันที่ชีวิตพลิกผัน
หัวใจสองดวงที่บอบช้ำจากเรื่องราวไม่คาดฝัน
แค่นั้น, มาเจอกัน มาจูนกัน โดยมีบทเพลงเป็นสิ่งประสานอันงดงาม

ในช่วงที่หัวใจไร้ทิศทาง
ในชั่วโมงที่ชีวิตเคว้งคว้าง ก็แค่ใครสักคน, สักคนแค่นั้นเอง

คนเราจะต้องการอะไรมากไปกว่าคนที่ทำให้เรายิ้มได้ในวันที่เราไม่อยากจะยิ้ม
ไม่รู้เรียกว่ารักหรือเปล่า หรือความจริงการที่รักไม่เรียกร้องให้เอ่ยนามอาจจีรังยั่งยืนกว่า
มันเป็นความรู้สึกที่เราอยากจะเก็บมันไว้ในส่วนที่พิเศษสุดของใจแม้ในยามที่เวลาล่วงผ่าน

คนสองคนที่มองตากันแล้วไม่มีคำพูดใด
มันก็ไม่มีอะไรให้ต้องบรรยาย, แค่รับรู้และเข้าใจก็พอ

begin again 01

หัวใจที่ล้าโรยได้รับการบรรเทา
ชีวิตที่มึนงงได้รับการชี้ทาง จะเป็นเธอ เป็นเขา เป็นเรา และคนอื่นๆ
เป็นใครสักคนที่จูงมือเราแล้วก้าวไปด้วยกัน

ถึงทางแยก,
เธอกับฉัน และคนอื่นๆ อีกมากมายมีทางที่เลือกในใจ
ใครพอใจทางไหนก็ก้าวไปทางนั้น

สักวันเมื่อได้หันกลับมามอง
เราจะยิ้มให้มัน, ความทุกข์มหึมาก้อนนั้นที่ทำให้ฉันได้เจอเธอ
และถ้าจะมีวันที่เป็นของเรา, เราคงจะได้เจอกัน

begin again 02

สิ้นสุดทางเลื่อน

เป็นเวลาไม่ถึงสองเดือนที่ฉันกลับไปทำงานประจำ
หลังทิ้งร้างมานานร่วม 5 ปี

หน้าที่ที่รับผิดชอบทำให้ฉันสนุกและมีความสุขที่ได้ตื่นเช้าไปทำงานทุกวัน
แม้ว่าจะโดนบั่นทอนใจจากผู้คนที่ฉันไม่อาจควบคุม แต่ฉันก็คิดว่าฉันอาจจะรักงานนี้ได้

แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ
แต่ความตั้งใจและความทุ่มเทที่ให้ไปถือว่าไม่น้อยหน้าการทำงานที่ผ่านมา
ฉันพอใจในการทำงานของตัวเอง แม้จะมีข้อบกพร่องบ้างฉันคิดว่ามันไม่เลวร้าย
เพราะความบกพร่องในงานมันสามารถแก้ไขได้ถ้ายอมรับมัน

ฉันไม่ได้หยุดการทำงานครั้งนี้จากความต้องการของฉันเอง
มันเป็นความต้องการของใครสักคน หรือหลายๆ คนที่ตัดสินว่าฉันไม่เหมาะสม
มีหลายเหตุผลที่ฟังดูแล้วเป็นแค่ข้ออ้างแต่ฉันก็ต้องจำใจยอมรับ

สิ่งที่น่าเสียใจคือ ผลการตัดสินจาก ‘ผู้ใหญ่’ ครั้งนี้ไม่มีการประเมินเรื่องงาน ตัวงานเลย
มีแค่เพียงคำบอกเล่าที่หาที่มาที่ไปไม่ได้ว่าฉันไม่ค่อยเป็นมิตร
เช่น จำชื่อคนในองค์กรไม่ได้ เป็นเรื่องหลัก
ใช่, ฉันโดนให้ออกจากงานโดยที่ฉันไม่เต็มใจ

แม้ความเสียใจจะถูกชดเชยด้วยเงินเดือน 2 เดือนสุดท้าย
แต่ความรู้สึกที่เสียไปเงินก็ชดใช้ไม่ได้

ผ่านมาแล้วเกือบสัปดาห์
ฉันบอกได้อย่างหนึ่งว่า ‘ผู้ใหญ่ที่ไม่น่าเคารพ’ บางคนถนัดใช้แต่อำนาจ
แต่ไม่รู้จักการทำงานอย่างแท้จริงและมีจิตใจคับแคบ

สำหรับฉัน
ฉันไม่ใช่ลูกน้องหรือลูกจ้างที่จะพยักหน้ารับคำสั่ง และก้มหน้าทำตามคำสั่งโดยไม่เข้าใจมัน
ถ้าไม่เข้าใจ ข้องใจในคำสั่งนั้นฉันจะถาม ถามเพื่อขอคำอธิบาย
หรือฉันจะอธิบายกลับหากผู้สั่งไม่เข้าใจ
หลายๆ องค์กรที่ฉันทำงานมาล้วนแต่รับฟังสิ่งที่ลูกน้องนำเสนอ
แต่ที่นี่เป็นที่แรกที่ไม่ฟังใดๆ ทั้งสิ้น
เพราะคำถามหรือข้อข้องใจของฉันหมายถึงการสั่นคลอนอำนาจที่พวกเขาได้กอดกกเอาไว้แน่น
พวกเขากลัวว่ามันจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ กลัวจะควบคุมฉันไม่ได้
ทั้งๆ ที่สิ่งที่ฉันทำคือ การพยายามทำให้งานออกมาอย่างดีที่สุด ไม่ใช่การปกป้องตัวเอง

แปลกดี,
ที่พวกเขาคิดถึงตัวเองก่อนงาน
ทั้งๆ ที่พวกเขารับเงินเดือนสูง ในตำแหน่งที่อาจต้องใช้เวลาหลายสิบปีปีนป่าย
งานไม่ได้สำคัญ มากเท่ากับ อำนาจ

ฉันไม่ได้เสียใจที่โดนให้ออกจากงาน
แต่เสียใจว่ายังไม่ได้พิสูจน์ความสามารถในเวลาเพียงเท่านี้
ในขณะเดียวกันฉันก็ดีใจ ดีใจที่ได้เจอมนุษย์หลงอำนาจ ดีใจที่ได้เห็น
เพราะในอนาคตฉันอาจต้องเจอะเจออยู่อีกเรื่อยๆ ฉันคงไม่ตกใจแล้ว
นอกจากหาทางรับมือ

ทางเลื่อนนี้สิ้นสุดแล้ว
เดินต่อไปก็อันตรายกับชีวิต
แต่ฉันคงต้องเดินต่อไปเพื่อทางเลื่อนใหม่ที่เหมาะสมกับฉันมากกว่า