ชีวิตหลังจากที่ย้ายถิ่นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
นอกจากกลิ่นใหม่ๆ ที่จมูกยังไม่คุ้น ยังมีอะไรน่าที่สนใจอีกหลายอย่างในท่ามกลางความไม่น่าสนใจ
เริ่มจากการดูโทรทัศน์ที่ไม่มีช่องอื่นใดนอกเหนือไปจากฟรีทีวีปกติ
ไม่มีช่องหนัง ไม่ช่องสำนักข่าวต่างประเทศ ไม่มีช่องบันเิทิง ไม่มีช่องสารคดีอีกต่อไป
ทำให้ใช้เวลากับโทรทัศน้อยลงจากเดิม
และด้วยความที่ขาดแคลนสัญญาณอินเตอร์เน็ต
เลยไม่สามารถเข้าถึงโลกไซเบอร์ได้ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวเอง
กิจกรรมที่อยู่หน้าจอทั้งวันอย่างที่เคยทำมา ก็ลดน้อยถอยลงไปไม่ต่างกัน
ฉันมีเพลงในเครื่องคอมฯ เยอะมาก
แต่บางเพลง บางอัลบั้ม ของบางศิลปินที่ฉันไม่เคยเปิดฟังเลย
หรืออาจจะเคยบ้างแต่ก็ฟังเอาผ่านๆ ไม่ได้ฟังเอาเรื่องเอาเราว หรือเอาจริงจังอะไีร
โดยปกติจะเปิดฟังเอาจากไอพอดเสียบเข้ากับลำโพงเล็กๆ
แต่ตอนนี้อยากตั้งใจฟังเพลงที่ถูกทิ้งอยู่ในเครื่องคอมฯ มานานดูบ้าง
เลยเสียบหูฟังเอา และสุ่มเลือกอัลบั้มมาฟังในแต่ละวัน
ถึงตอนนี้เลยดีใจที่ได้กลับมาฟังเพลงอย่างจริงจัง
แบบที่ฟังลึกเข้าไปในเพลง จดจ่ออยู่กับเพลงที่ฟัง
ได้ฟังที่ตัวเพลงจริงๆ ตั้งแต่วิธีคิด วิธีเล่าเรื่อง การเลือกคำ การวางเสียงร้อง ถ้อยทำนอง และ ดนตรี
โชคดีที่ไม่ได้พลาดอัลบั้มที่ดีๆ ไป
แม้จะล่าช้าไปสักหน่อย แต่บทเพลงที่ดียังไงก็จีรัง
บางเพลงแม้จะใช้ึคำว่า “เพราะ”
ดูจะน้อยเกินไปในการยกย่อง มันไพเราะเข้าไปถึงหัวจิตหัวใจคนฟังอย่างฉัน
บางครั้งเผลอน้ำตาไหลออกมา, ไม่ใช่เพราะเศร้า แต่เพราะฉันเข้าใจเพลง และเพลงเข้าถึงฉัน
เพลงที่ดีไม่ต้องฟังยาก
มันต้องง่ายต่อการรับรู้ ง่ายต่อการเข้าใจ ง่ายต่อการรู้สึก ง่ายต่อการเข้าถึง
ซึ่งมันอาจไม่ง่ายเลยในการทำเพลงให้ได้แบบนี้
ฉันไม่ได้ชอบเพลงที่ประดิษฐ์คิดคำสวยๆ เท่ๆ เก๋ๆ แต่ถ้อยคำเหล่านั้นไร้ความหมาย
ฉันไม่ได้ชอบเพลงที่สร้างเรื่องราวซับซ้อน ยอกย้อน แต่ไม่ได้ซุกซ่อนอะไรที่มีความหมายลึกซึ้ง
ฉันชอบเพลงที่ความคิด โดยเลือกถ้อยคำธรรมดาที่สลวยๆ แต่สื่อสารเรื่องราวออกมาได้ชัดเจน
ตรงกับสิ่งที่ต้องการจะบอก รวมถึงสารซ่อนเร้นที่สามารถคิดตามและคิดต่อได้หลังเพลงจบ
เพลงก็เหมือนหนัง
หนังมีภาพเพื่อสื่อสาร เพลงมีถ้อยคำเพื่อบอกกล่าว
ฉันเชื่อว่าหนังและเพลงเป็นศิลปะ คนทำหนังกับเพลงก็เป็นศิลปิน
ช่วงนี้ชีวิตฉันเลยได้สัมผัสกับงานศิลปะเล็กๆ น้อยๆ จากศิลปินที่ทำงานดี
ส่วนงานที่ไม่ดี,
เพลงๆ นั้นจะคอยหลอกหลอนคนทำเพลงไปตลอดอายุขัย