ตอนไปเที่ยวเวียดนามเรากับเพื่อนเดินหลงกันทุกวัน วันละเกิน 2 ครั้งด้วย ทั้งที่ในมือก็มีแผนที่ ทั้งที่ปากก็ถามใครต่อใคร แต่สุดท้ายก็ต้องเดินอ้อม เดินวนไปนานกว่าจะถึงจุดหมายที่ตั้งใจ หลงมากๆ เข้าก็มีเหนื่อย เมื่อยขา บ่นกระปอดกระแปดกันไปตามประสา
ฮอยอันเมืองเล็กๆ เรายังหลง
ไปอยู่เว้แค่คืนเดียวก็แอบงงๆ บ้าง
อยู่ฮานอยตั้ง 4 คืนยังเดินหลงจนวันสุดท้าย
หรือ ‘การหลงทาง’ จะเป็นกิจกรรมหลักของนักเดินทาง คิดเอาเองว่าใครต่อใครก็คงหลง ไม่หลงมันจะไปสนุกอะไร คิดดูนะว่าถ้าไปถึงแล้วอ่านแผนที่แม่น จะไปไหนก็พุ่งตรงได้เลย รสชาติแห่งการสัมผัสที่แปลกถิ่นก็คงสูญหายไปหล่ะนะ
หนหนึ่งเรากับเพื่อนเดินไปเจอร้านขายไอติมเจ้าดังของฮานอยโดยบังเอิญ ตลกดี ทั้งที่เคยอ่านในหนังสือมาแล้วแต่ก็คิดว่าไปถึงแล้วคงหาไม่เจอ
อีกครั้งหนึ่งเดินไปมั่วๆ ก็โผล่ไปเจอทะเลสาบ Hoan Kien ซะอย่างนั้น ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไปทำอย่างอื่นก่อนแท้ๆ ได้แต่ประหลาดใจว่าเจอได้ยังไง
‘การหลงทาง’ ทำให้เราได้คุยกับคนเยอะ ทั้งภาษาไทยปนอังกฤษ แถมด้วยภาษาใบ้ ภาษาท่าทางอันชาญฉลาด ทักษะการวาดภาพประกอบที่คนดูคงฉงน แถมในระหว่างทางที่เราเดินหลงๆ ไปมันก็ให้เราเจอความสวยงามรายทางที่ถ้าเราพุ่งตรงไปคงไม่มีวันเจอ
หลงทางอาจทำให้เสียเวลา
แต่เวลามันไม่ได้มีค่ามากเสียจนเราจะยอมเสียมันไม่ได้
โดยเฉพาะถ้าหลงแล้วไปเจอทางใหม่ๆ
ก็เท่ากับว่าเราได้มากกว่าเสีย
ช่าย ช่าย …
เห็นด้วย เวลาไปเที่ยวไม่เคยกลัวกลงทางเลย
หลงๆไปมาๆนั่นแหละเที่ยวอยู่
หาทางกลับให้ได้ตอนจบก็พอ
หลงกับเพื่อนไม่มีเหงาอยู่แล้น
ยิ่งหลงไปเจอ seafood โคตรอร่อยอีก
โอ้ววว คิดถึงจัง…