copy-of-image234.jpg

คืนวันจันทร์มีเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดาเกิดขึ้นกับชีวิตเรา

เรื่องของเรื่องมันเริ่มจากบทสนทนาทาง MSN

เมื่ออยู่ๆ เจ้านายเราก็บอกว่า “จะกลับบ้านเมื่อไหร่บอกนะ จะขับรถไปส่ง”

เราถามว่า “เป็นไรหรือเปล่า?”

เจ้านายตอบว่าไม่เป็นไร แค่อยากขับรถเล่นเฉยๆ

เราก็บอกว่าดีเลยเพราะเราชอบนั่งรถเล่น

จากนั้นก็คุยกันว่าหรือจะขับรถไปนอกเมืองกันดี

เลือกไปเลือกมาก็สรุปปลายทางที่ พัทยา

และได้เพื่อนร่วมทางเป็นหนุ่มหล่อที่ออฟฟิศอีก 1 คน

การเดินทางสนุกบนเส้นทางขรุขระ และเพียบไปด้วยทางเบี่ยง

ใช้เวลาไม่นานเราก็ถึงที่หมาย

เลือกที่จะนอนคุยกัน และรับลมเย็นๆ ที่เตียงผ้าใบแถวหาดจอมเทียน

อยู่ที่นั่นจนใกล้ๆ ตีหนึ่งก็ตกลงใจกลับกรุงเทพ

เรื่องมันเริ่มก็ตรงนี้

ขอเล่าเป็นฉากๆ ตอนๆ เท่าที่ความทรงจำยังค้าง

  • รถเราตกหลุมใหญ่มากๆ เลยทำให้ยางหน้าขวาแตก
  • บริเวณที่เราจอดตายไม่รู้ว่า คือ ที่ไหน เพราะมันมืดมาก ไม่มีป้ายบอกทาง ไม่มีอะไรเลย นอกจากเห็นว่ามันเป็นทางโค้ง และลงเนิน
  • เราต้องเขยิบรถให้ไกลโค้งที่สุดเพราะ 10 ล้อจะขับมาเสยหลายครั้ง
  • ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยอีกขั้น เราต้องเปิดไฟในรถทุกดวงเพื่อให้รถที่พ้นโค้งมาเห็นเราได้ชัดที่สุด แต่การเปิดเพลงอัลบั้ม Save my life ฟังไปด้วย ไม่เกี่ยวกับความปลอดภัย เป็นความคึกคักของผู้ร่วมทางทั้ง 3 คน ที่ยังไม่รู้สมรู้สา
  • ระหว่างนี้เริ่มโทรศัพท์หาคนที่คิดว่าพึ่งพาได้ และเริ่มโทรขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง
  • ผ่านไปเกือบๆ ชั่วโมง ยังไร้วี่แววของผู้ช่วยเหลือ โทรศัพท์ 2 เครื่องมีแบตเตอรี่เหลือเครื่องละ 1 ขีด
  • ทุกคนมีเงินรวมกันไม่ถึง 1 พันบาท
  • ผู้ชายคนเดียวในรถเริ่มออกตัวว่าไม่มีประโยชน์เพราะเปลี่ยนยางรถไม่เป็น เลยทำตัวให้ประโยชน์ด้วยการวิ่งไปดูว่าป้ายใหญ่ๆ ที่ห่างออกไปชั่ว 1 หอบ คือ ป้ายอะไร คำตอบคือ ร้านขายของฝากแม่กิมบ๊วย
  • คำว่าร้านแม่กิมบ๊วยทำให้เรารู้ว่าแถวนี้ เรียกว่า เนินแม่กิมบ๊วย ซึ่งเป็นคำที่คนแถวนี้รู้กัน
  • ผ่านไป 1 ชั่วโมงเราก็ยังอารมณ์ดี แต่เริ่มเพลียๆ และติดต่อกลับไปยังศูนย์ช่วยเหลืออีกครั้ง เขารับปากว่าจะมาอย่างรวดเร็ว
  • ประมาณตี 3 มีเจ้าหน้าที่ขับรถมาช่วยเหลือเราหลายคน ใช้เวลาเปลี่ยนยางไม่เกิน 10 นาที
  • พวกเราไชโยโห่ร้องด้วยความยินดี เพราะแม้จะสนุกกับการนั่งกินฝุ่นข้างทาง แต่ถ้าให้เลือกก็อยากกลับบ้านนอนมากกว่า
  • เจ้านายเดินไปสตาร์ทรถ และพบว่ารถสตาร์ทไม่ติดเพราะว่าแบตฯ หมด
  • พวกเรากุมขมับและโพล่งว่า “มาหมดอะไรอะไรเอาตอนนี๊”
  • เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจั๊มได้ แล้วก็ถามหาสายจั๊ม พวกเรารื้อหลังรถอีกครั้ง แต่ไม่มี
  • เจ้าหน้าที่กลับไปค้นที่รถแล้วก็เจอ แต่สภาพมันค่อนข้างเก่า ใช้เวลาจั๊มกันอยู่นานมากรถก็ยังสตาร์ทไม่ติด ใช้แบตเตอรี่ของรถ 3 คันก็ยังไม่ติด นั่งสงสัยกันว่าเป็นเพราะสายหรือเพราะแบตฯ รถเรากันแน่
  • ระหว่างนี้เราเริ่มภาวนา และมีการพูดสาธุๆ อยู่ตลอด
  • ตี 4 มาเยือนด้วยความเหนื่อยล้าและด้วยความเกรงใจเจ้าหน้าที่ ตกลงกันว่าจะเรียกรถลากมารับในราคา 3,500 บาทเพื่อส่งเราเข้ากรุงเทพฯ
  • ระหว่างรอรถมารับอยู่ๆ ก็มีรถเก๋งขับมาและแฉล่บลงข้างทางต่อหน้าต่อตา พวกเราเครียดจัดเพราะคิดว่าพวกเราเป็นต้นเหตุ แต่จริงๆ แล้วคนขับเมา
  • เจ้านายปวดฉี่ต้องรบกวนให้เจ้าหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซต์ไปส่งที่ร้านแม่กิมบ๊วยและขอเข้าห้องน้ำ ซ้อนสามกันไปแบบทุเรศๆ
  • พอรถลากมา พวกเราเกิดลังเลเพราะแพง และพี่เจ้าหน้าที่คนนึงบอกว่าเสียดายเงินและเห็นว่าใกล้เช้าแล้ว น่าจะรอร้านแบตเตอรี่เปิดจะดีกว่า
  • ตัดสินใจว่าจะรอร้านเปิด และใจหมาด้วยการเดินไปบอกรถลากว่าไม่ไปแล้ว รถลากบอกไม่เป็นไร พวกเราพยายามค้นแบงค์เล็กๆ ในกระเป๋าเพื่อให้เป็นค่าเสียเวลา รู้สึกว่าเป็นแบงค์ 20 ยับๆ 5-6 ใบ…หมดตัว หมดกระเป๋าแล้วจริงๆ
  • สักประมาณตี 5 กว่าๆ เรากับเจ้านายติดรถพี่เจ้าหน้าที่เข้าไปในเมืองเพื่อกดเงิน และไปตามช่าง โดยให้ผู้ชายเฝ้ารถไว้ ปอเป็นห่วงเป็นใยโทรมาถามทุก 5 นาที ในขณะที่แบตหมด
  • แวะกดเงินเรียบร้อย พี่เจ้าหน้าที่ก็มาจอดรถหน้าบ้านช่างและเคาะประตูเรียก ช่างออกมาทั้งครอบครัว ทำเราเกรงใจไปเลย จากนั้นลูกชายช่างก็ขึ้นรถมาพร้อมเครื่องมือ แต่ระหว่างที่ถอยรถนั้นดันไปเสยป้ายร้านเค้าซะฉิบ พวกเราพูดอะไรไม่ออก ห่วงทั้งป้าย ห่วงทั้งพี่เจ้าหน้าที่
  • เจ้าของร้านบอกไม่เป็นไร พี่เจ้าหน้าที่บอกไม่เป็นไรเพราะรถเค้ามีประกัน
  • ออกจากร้านได้สักพักเราบอกว่าขอแวะปั๊มหน่อยเพราะอยากซื้อน้ำและเครื่องดื่มให้พี่ๆ พอซื้อของเสร็จขับออกมาจากปั๊มได้ 5 เมตร พี่เจ้าหน้าที่ก็หันมาบอกว่ารถเป็นอะไรไม่รู้ เหยียบไม่ขึ้น คราวนี้เรากุมขมับเลย
  • ลูกชายร้านแบตฯบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวโทรให้พอ่ขับรถมารับ ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที คุณลุงเจ้าของร้านก็ขับรถกระบะมาจอด ส่วนพี่เจ้าหน้าที่จะขับกลับบ้าน แต่ต้องแวะไปส่งลุงเจ้าของร้านก่อน ก่อนจากกันพี่เจ้าหน้าที่ยังบอกอีกว่าใจจริงอยากจะอยู่ช่วยเราจนรถสตาร์ทติด เราแทบก้มกราบ พูดขอบคุณแล้วขอบคุณอีก
  • ลูกชายเจ้าของร้านขับพาเราไปอย่างซิ่ง โดยใช้ทางลัด พอไปถึงใช้เวลาไม่เกิน 1 นาทีรถเราก็สตาร์ทติด
  • จบมหกรรมการผจญภัยก็เป็นเวลา 6 โมงเช้าพอดี ได้เห็นแสงแรกของวัน ได้เห็นน้ำใจของหลายๆ คน พวกเราขอเบอร์ติดต่อของทุกคนไว้เผื่อวันไหนแวะผ่านมาจะได้เข้ามาขอบคุณอีกที
  • ปอเล่าว่าระหว่างที่เรา 2 คนไม่อยู่ รถลากได้กลับมาอีกครั้ง เพราะรถเก๋งคันที่ลงข้างทางขับไม่ได้แล้ว ก่อนไปพี่คนขับรถลากโบกมือและยิ้มให้ พวกเราเลยโล่งใจ เพราะคิดว่าทำบาป

copy-of-image225.jpg

     เกิดเรื่องนี้ขึ้น ผู้ร่วมทางทั้ง 3 คนไม่มีใครคิดว่าโชคร้าย หรือซวยเลย คิดว่าพวกเราโชคดีมากๆ ที่ปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย และยังได้คนดีๆ หลายคนมาช่วยเหลือ เล่าให้เพื่อนฟังเพื่อนก็บอกว่าดีแล้วที่รอดกลับมาได้ เราก็คิดแบบนั้น ที่สำคัญตอนที่เกิดเรื่องไม่มีใครหัวเสียใส่กัน ไม่ด่าว่า ไม่โวยวาย หรือไม่หงุดหงิดใส่กัน ทุกคนพยายามทำให้สถานการณ์มันผ่อนคลาย ซึ่งนั้นเราว่าเป็นเรื่องดีมาก

     ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามขอให้ทุกคนระงับอารมณ์และตั้งสติให้ได้ แต่ทางที่ดีที่สุดต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะคนเราคงไม่โชคดีทุกครั้ง อย่างการหัดเปลี่ยนยาง หรือเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือให้ครบ หรือตรวจเช็คสภาพรถอยู่เสมอก็เป็นเรื่องที่ทุกคนควรกระทำอย่างยิ่ง

 copy-of-image240.jpg

อ่านได้อีกที่นี่

13 thoughts on “ไม่เป็นไรจริงๆ

  1. “ที่สำคัญตอนที่เกิดเรื่องไม่มีใครหัวเสียใส่กัน ไม่ด่าว่า ไม่โวยวาย หรือไม่หงุดหงิดใส่กัน ทุกคนพยายามทำให้สถานการณ์มันผ่อนคลาย ซึ่งนั้นเราว่าเป็นเรื่องดีมาก”

    มันดีมากและสำคัญที่สุดเลยล่ะ ผมคิดว่ามันหายากนะที่จะอยู่ในสภาพแบบนั้นกันโดยไม่มีใครหงุดหงิดอะไร และอยู่กันครบจนปัญหาจบไปได้

    สิ่งแรกที่คิดเวลาเจอสถานการณ์ปัญหาในแบบนั้นคือจะภาวนาให้ทุกคนใจเย็น เพราะถ้ามันเริ่มเสียหนึ่งคน มันจะมีต่อๆไปยังคนอื่น ถ้าอยู่กันได้อย่างเย็นๆ จะถือว่าเยี่ยมที่สุดแล้ว

    จริงๆอ่านของทุกคนครบแล้ว… สนุกตื่นเต้นดีครับ

  2. สุดยอดเลยพี่เจี๊ยบ

    วีรกรรมของท่านพี่ทั้งสามเนี่ยสุดยอดเลยจริงๆ
    .
    .
    โชคดีนะที่มีหนุ่มหล่อคนนั้นไปด้วย

  3. กลับมาได้ก็ดีแล้วเน้อ

    และต้องให้พี่ปอไปหัดเปลี่ยนยาง เปลี่ยนแบต ฯลฯ ด้วย ใช้ไม่ได้เลย (ทำไม่ค่อยเป็นเหมือนกัน)

  4. อ่านของคุณพี่พีแล้วมาอ่านอันนี้ได้รายละเอียดดีมาก . . . 55+

    เดี๋ยวตามไปอ่านอีกอัน . . .

  5. น้องsomething 7 ครับ

    เปลี่ยนไม่เป็นจริงๆ แต่อย่างน้อยแบตโทรศัพท์มือถือของพี่ก็ยังมีประโยชน์นะครับ….
    และร่างกายที่มีความหล่อมาก…สามารถวิ่งไปได้ไกลเพื่อดูจุดพิกัดที่ที่เรายืนอยู่ …….

Leave a reply to หมีทะเล Cancel reply